Mine

รูปภาพของฉัน
หาดใหญ่, ภาคใต้, Thailand
ชอบเอาใจ แต่ก็เอาแต่ใจ

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เมื่อจำเป็นต้องใช้ พ.ร.บ. รถจักรยานยนต์

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2554 เวลาประมาณบ่าย 2 โมง หลานมาบอกว่า น้องภัทร อยู่อนามัย เท้าเข้าล้อรถ อึ้งไปพักนึง เลยปลุกชอว์บอกว่าลูกอยู่อนามัย ก็ขับรถออกมาที่อนามัย ก็ยังไม่เห็นแผลเพราะเขาปิดแผลหมดแล้ว รู้แต่ว่าเขาบอกให้ไปโรงพยาบาล ก็ขับรถไปโรงพยาบาล ... จนกระทั่ง พยาบาลมาเปิดแผล แม่เจ้า ไม่ใช่น้อย ๆ (ไม่อยากอธิบายเรื่องแผล เจ็บใจ ขอบอกคำเดียวว่า เซ็ง)

เราเป็นคนไม่มีความรู้ทางด้านสาธารณสุข ก็คงได้แต่ทำตามที่เขาบอกเขาให้ทำ ถึงจะขัดใจบ้าง ก็ยังปลอบใจตัวเองว่า "เราเชื่อหมอก็หายไปครึ่งแล้ว อีกครึ่งอยู่ที่ฝีมือหมอ" เป็นตอนนี้อยากถอนคำพูด ล้างแผลอยู่ 4 วัน (ทนไม่ไหวแล้วโว้ย) เพื่อนแนะนำให้มาล้างแผลต่อที่โรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่เพราะน้องภัทรมีประกันโรงเรียนไม่น่าจะเกินหมื่น วันรุ่งขึ้นตัดสินใจไปเลย

ด้วยความลำบากพี่น้องเอ๋ย นั่งรถไฟมากันสามคน พ่อ แม่ ลูก (สงสารลูก กลัวเจ็บแผล) คนเยอะ ร้อน ช้า เฮ้ยยยย ทำไปได้เรา พอลงจากรถก็ตรงไปที่โรงพยาบาลทันทีตอนนั้นก็เย็นแล้ว พอเปิดแผลหน้าตาทั้งหมอทั้งพยาบาลเพื่อนช้าน แหยงๆ แล้วมาต่อว่าแม่มันว่าทำไมปล่อยให้ลูกเป็นขนาดนี้ หมอจัดการฉีดยาชากะแต่งแผลให้ใหม่ พอตัดไปได้สองทีก็บอกว่าปิดๆๆๆ มันถึงกระดูก ต้องรอหมอกระดูกอีกคนมาดู ก็รอต่อไปซักพักคุณหมอก็มา ...ที่กำไปกว่านั้น หมอขอเปิดแผลดู โอ้วแม่เจ้าโรงพยาบาลแตกอีกครั้ง สงสัยลูกจะผวาซะแล้ว พอหมอเปิดดูแป๊บเดียวก็ปิด และมาคุยกันเรื่องการรักษา ว่าจะเอายังไงดี เพราะจะต้องใช้ห้องผ่าตัด ดมยา เพื่อแต่งแผลใหม่ ก็เป็นอันตกลงละครับพี่น้อง และให้หมอทำให้ แล้วค่อย Refer ไป โรงพยาบาลรัฐ (ค่าใช้จ่ายมากมาย) หมอก็นัดให้งดอาหาร เตรียมพร้อม....ลูกแม่

วันรุ่งขึ้นพาลูกไปหาหมอตั้งแต่เช้าเลยทีเดียว เตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัดก็ต้องตรวจสารพัดตรวจ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ไปรอที่ห้องผ่าตัด ใจระทึกเกิดมาไม่เคยได้มารอที่ห้องผ่าตัดแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าไกลหัวใจนะ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ เพราะต้องดมยาเด็กอายุ 5 ขวบ เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่ออกมา รอแล้วรออีก ... ในที่สุดเพื่อนพยาบาลที่ได้รับอนุญาติเข้าไปออกมาบอกว่าเรียบร้อยแล้วแต่เด็กยังไม่ฟื้น ไปนอนพักที่ห้องผู้ป่วยก่อน พอลูกสาวฟื้นขึ้นมาอาการก็ยังมึนๆ อยู่ อ๊วกไป 2 รอบ ก็ดีขึ้น ค่อยโล่งใจหน่อย

วันที่สอง ทำเรื่อง Refer ไปโรงพยาบาลหาดใหญ่ (ด้วยรถส่วนตัว) พอไปถึง ER ก็บอกว่าไม่ว่างให้ไปที่ OPD ก็เข็นกันไปอีกตึกกว่าจะได้ขึ้น ward ก็เย็นแล้ว พอขึ้นไปไม่มีห้องรอไปอีก ขอบคุณน้องที่จัดการเรื่องห้องให้ ก็ได้ห้อง 532 เป็นที่เรียบร้อย เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก หลังจากที่กินนอนที่โรงพยาบาลเป็นเวลาเกือบเดือน ก็ได้เวลาผ่าตัดอีกรอบสำหรับนำหนังที่หน้าขามาปะที่ข้อเท้า รอบนี้เห็นสภาพลูกตนเองแล้วแทบจะร้องไห้หลังจากออกจากห้องผ่าตัดรอพักฟื้นอยู่อาการน้องเหมือนเมายาเลย น่ากลัวมาก กว่าจะปกติก็พักใหญ่

ถึงเวลากลับบ้านซักทีแผลก็เริ่มดีขึ้นแผลเย็บก็เริ่มติดแล้ว หมอนุญาตให้กลับบ้านได้ และนัดมาเป็นระยะ หลังจากนี้ก็ต้องหัดเดินซินะ เริ่มจากไม่กล้าเดิน เขย่ก เดินด้วยปลายเท้า เดินเต็มเท้าช้าๆ ตอนนี้นะเหร๋อวิ่งได้สบายมาก .... ลูกสาวคนดีของแม่